เครื่องชงกาแฟระบบอัตโนมัติ

เครื่องชงกาแฟระบบอัตโนมัติและเหตุผลที่ควรเลือกใช้ ดียังไงมาดูกัน

เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเภทของเครื่องชงกาแฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไปทั่วโลก โดยเครื่องชงกาแฟนี้ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่ในเรื่องของความสามารถในการใช้งานแล้วบอกเลยว่าตอบโจทย์กับคนที่ชื่นชอบในกาแฟหลากหลายแบบได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกาแฟแก้วใหญ่ แก้วเล็ก กาแฟนม หรือกาแฟดำ เพราะสามารถที่จะชงด้วยเครื่องเอสเพรสโซ่นี้ได้เช่นเดียวกัน แล้ววันนี้บทความของเราก็จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับเครื่องชง expresso ว่าจะมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างไรชวนให้เราได้ติดตามกันบ้าง

3 ประเภทเทคโนโลยี ในเครื่องชงแบบ Espresso มีอะไรบ้าง มาดูกัน

เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีความพิเศษและความสามารถที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งในเรื่องของราคาก็ยังมีความแตกต่างกันออกไปอีกด้วย โดยเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกันในวันนี้นั้นก็มีด้วยกันดังนี้

1. เครื่อง Espresso แบบ THERMOBLOCK

เครื่อง Espresso แบบ THERMOBLOCK จะเป็นเครื่องชงที่มีราคาค่อนข้างถูก ซึ่งเหมาะกับการใช้ในบ้านโดยเครื่องชงแบบนี้จะมาพร้อมกับหม้อต้มน้ำเดียวและส่วนใหญ่ก็จะมีโหมดการต้มน้ำด้วยกัน 2 โหมด โดยโหมดแรกนั้นจะเป็นการต้มน้ำให้ได้อุณหภูมิที่มีความเหมาะสมต่อการชงกาแฟ และโหมดที่สองก็คือ การต้มน้ำเพื่อทำไอน้ำสำหรับการสตีมนมนั่นเอง ซึ่งเครื่องนี้ก็ไม่สามารถให้น้ำในอุณหภูมิที่แน่นอนได้และยังต้องเลือกระหว่างการชงกาแฟกับการสตรีมนมที่จะต้องจำกัดจำนวนกาแฟที่สามารถชงได้ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการนำไปใช้เชิงพาณิชย์หรือตามบาร์ต่างๆ นั่นเอง แต่เหมาะสำหรับการใช้งานครัวเรือนซึ่งทำจำนวนแก้วไม่มากต่อวัน

ถึงอย่างไร เทคโนโลยี Thermoblock ก็มีข้อดีคือ น้ำสะอาดที่จะถูกให้ความร้อนเพื่อนำมาชงกาแฟจะไม่ถูกทิ้งอยู่ในหม้อต้ม หรือ บอยเลอร์ เทคโนโลยี Thermoblock จะดึงน้ำใหม่เพื่อนผ่านท่อให้ความร้อนทุกครั้งในการชงกาแฟ ทำให้กลิ่นและรสชาติของกาแฟสะอาดเนื่องจากน้ำสะอาดจะไม่ถูกแช่อยู่ในบอยเลอร์เป็นระยะเวลานานหากเครื่องชงกาแฟไม่ถูกใช้งานบ่อยครั้ง อีกทั้งยังเป็นการลดโอกาสเกิดตะกรันในหม้อต้อ (boiler) หรือตามท่องส่งน้ำต่างๆอีกด้วย

โดยเครื่องชงชนิดนี้มักใช้ปั๊มสั่นเพื่อสร้างแรงดันน้ำโดยปั๊มประเภทนี้ก็จะมีจุดด้อยอยู่ที่มีเสียงที่ค่อนข้างดัง ซึ่งความดันที่เราต้องการคือ 9 บาร์หรือ 130 PSI แต่สำหรับปั๊มเหล่านี้นั้นจะตั้งมาสูงกว่ามากซึ่งมีความดันถึง 15 บาร์หรือ 220 PSI เลยทีเดียว ดังนั้นเครื่องชงกาแฟประเภทนี้จึงมีวาล์วที่จะเปิดเมื่อมีแรงดันเกิน 9 บาร์เพื่อเป็นการลดแรงดันลง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ผู้ใช้งานนั้นจะต้องทำการปรับแต่งใหม่เมื่อใช้งานไปได้ในระยะเวลาหนึ่ง

ในปัจจุบันผู้ผลิต ได้พัฒนา เทคโนโลยี Thermoblock ให้มีความเสถียรและใช้งานได้ดีทั้งการชงกาแฟและการสตรีมนมที่มีแรงดันที่เหมาะสม เราสามารถพบเจอเทคโนโลยีนี้ได้ใน แบรนด์ ascaso เป็นต้น

2. เครื่อง Espresso แบบ Heat Exchanger

เครื่อง Espresso แบบ Heat Exchange เป็นเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับร้านค้าซึ่งก็จะมีเทคโนโลยีที่ดีพอตัวเลย โดยเครื่องนี้จะมาพร้อมกับหม้อต้ม 1 ชุด และจะมีอีก หม้อต้มน้ำขนาดเล็กที่อุณหภูมิประมาณ 120 องศาเซลเซียส ซึ่งนั่นจะเป็นการสร้างไอน้ำสำหรับการสตรีมนมแต่อาจจะร้อนไปสำหรับการชงกาแฟ ดังนั้นเครื่องชงระบบนี้จะมีการปั๊มเอาน้ำเย็นผ่านระบบแลกเปลี่ยนความร้อนหรือที่เรียกกันว่า Heat exchanger ที่จะประกอบไปด้วยท่อน้ำไหลผ่านหม้อต้มน้ำ และได้รับความร้อนโดยน้ำที่ออกมากจากหม้อต้มน้ำให้สามารถมีอุณหภูมิตามที่ต้องการได้ ข้อดีของเทคโนโลยี้นี้คือ สามารถสตรีมนมไปพร้อมกับการทำการแฟได้ ทำให้ระยะเวลาการชงต่อแก้วลดลงและสามารถผสมช็อตเอสเพรซโซ่ได้ทันเวลา

โดยเครื่องชงกาแฟประเภทนี้จะใช้กลไกเครื่องกลเพื่อวัดอุณหภูมิและอาจทำให้เกิดความแตกต่างได้เพราะหากเป็นเครื่องที่ดีกว่าก็จะสามารถที่จะควบคุมอุณหภูมิของหม้อต้มได้ดีกว่าเช่นกัน อีกทั้งเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่แบบนี้อาจมาพร้อมกับปั๊มสั่น (Vibration pump) หรือปั๊มโรตารี่ที่ใช้เป็นเครื่องชงกาแฟสำหรับร้านค้าที่มันจะมีเสียงเงียบและสามารถปรับแต่งได้ง่ายกว่า ระบบ Heat exchange จีงเหมาะสำหรับการใช้งานภายในครัวเรือนและเชิงพาณิชขยาดเล็ก โดยขึ้นอยู่กับขนาดของหม้อน้ำ

3. เครื่อง Espresso แบบ Dual Boiler

เครื่อง Espresso แบบ Dual Boiler หรือเครื่องชงกาแฟแบบ 2 หม้อต้มจะเป็นเครื่องกาแฟที่มีการแยกน้ำสำหรับชงและน้ำสำหรับไอน้ำออกจากกัน โดยเครื่องชงชนิดนี้จะมีหม้อต้มสำหรับชงกาแฟ และอีกหนึ่งหม้อต้ม ที่แยกอยู่ต่างหากสำหรับต้มน้ำในอุณหภูมิที่มีความสูงกว่าเพื่อทำไอน้ำสำหรับสตรีมนม โดยอุณหภูมิของหม้อต้มน้ำนี้จะมีการควบคุมด้วยระบบดิจิทัลที่จะสามารถปรับแต่งได้ง่ายและมีความเสถียรมั่นคงกว่า เหมาะสำหรับการชงกาแฟในร้านค้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่และสำนักงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นประเภทเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีราคาสูงมากกว่า 2 ประเภทที่เราได้กล่าวไปอีกด้วย

และนี่ก็คือ 3 ประเภทของเครื่องชงกาแฟ Espresso ที่เราอยากมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันซึ่งทั้ง 3 ประเภทนี้ต่างก็มีความแตกต่างกันตั้งแต่เรื่องของระบบการใช้งานต่าง ๆ รวมไปถึงการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำในการต้มและการทำไอน้ำสำหรับการสตรีมนมให้เป็นไปตามที่ต้องการเพราะฉะนั้นหากใครที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่หรืออยากรู้จักกับเครื่องชงแบบนี้เพิ่มเติมก็สามารถเข้ามาอ่านกันได้ที่เว็บไซต์ของเราได้เลย

Login